โรคกล้ามเนื้อก้นหนีบเส้นประสาท หรือที่มักเรียกกันว่า “สลักเพชร” เป็นโรคที่มีอาการปวดบริเวณก้นหรือสะโพกทางด้านหลัง ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างกล้ามเนื้อและเส้นประสาท จึงทำให้เกิดได้ทั้งอาการปวดและชา !!
สรีระวิทยา

กล้ามเนื้อที่มีปัญหา ชื่อว่า กล้ามเนื้อ Piriformis (พิริฟอร์มิส) (ลูกศรสีแดง) ทำหน้าที่ในการหมุนสะโพกออก กางสะโพก และมีส่วนช่วยในการเหยียดสะโพกไปทางด้านหลัง
โดยมีเส้นประสาท Sciatic (ไซอาติก) รอดผ่านออกมาทางด้านใต้ของกล้ามเนื้อ (จากรูปคือเส้นสีเหลือง)
สาเหตุ
สาเหตุที่พบได้บ่อย เกิน 50% มักเกิดจากการบาดเจ็บบริเวณก้น ทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อเกร็งตัวมากขึ้น ส่งลให้เกิดการกดทับเส้นประสาทที่อยู่ใต้กล้ามเนื้อ
- กล้ามเนื้อเกร็ง (Muscle Spasm) เกิดได้ทั้งจากอุบัติเหตุโดยตรง เช่น ล้มก้นกระแทก หรือหลังจากการผ่าตัด
- เกิดจากการใช้งานซ้ำๆ จนกล้ามเนื้อเกิดการหดตัวสั้น จนไปกดทับเส้นประสาท เช่น เดินนาน วิ่ง
อาการ
เนื่องจากโรคนี้ มีสาเหตุจากกล้ามเนื้อเกร็งจนไปกดทับเส้นประสาท จึงทำให้มีอาการ
- ปวดบริเวณก้นด้านหลัง
- ชาลงขาทางด้านหลังตามแนวเส้นประสาท
- หากมีอาการเรื้อรังมาก อาจพบกล้ามเนื้อแรงน้อยลง หรือรบกวนการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ยืน เดิน นั่ง หรือบางคนอาจมีอาการขณะนอนหงายร่วมด้วยได้เช่นกัน

วิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้น
- หลีกเลี่ยงการนั่งบนเก้าอี้ที่แข็ง เสริมเบาะรองนั่งเพื่อช่วยลดการกดทับ
- ไม่นั่งนานจนเกินไป พยายามลุกเปลี่ยนท่าทุก 30-40 นาที
- ยืดกล้ามเนื้อก้น โดยไขว้ขาเป็นเลขสี่ ใช้มือดันขาอีกค้างเข้าหาอก จนรู้สึกแค่ตึงสบาย และให้ยืดค้าง 15 วินาทีอย่างน้อย 3 รอบ

4. ใช้โฟมโรลคลายกล้ามเนื้อก้น โดยนั่งบนโฟมโรลและไขว้ขาข้างที่มีอาการไว้ คลึงเข้า-ออกเป็นรอบๆ
5. ออกกำลังกายกล้ามเนื้อให้แข็งแรง 2-3 วัน/สัปดาห์ (ดูตามคลิปข้างล่างได้เลย)
วิธีการรักษาทางกายภาพบำบัด
**หากใครมีอาการปวด แล้วไม่แน่ใจว่าอาการที่เป็นใช่หรือไม่? แนะนำตรวจและรักษากับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการรักษาที่ตรงจุด และไม่ควรปล่อยไว้ให้เรื้อรังจนรักษายากและใช้เวลานาน**
- ใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด เช่น อัลตราซาวด์ เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า เพื่อคลายกล้ามเนื้อก้น เพิ่มการไหลเวียนเลือด
- ออกกำลังกายเพื่อกการรักษาและฟื้นฟู : โดยนักกายภาพบำบัดจะเป็นผู้วางโปรแกรมการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ปรับความง่าย-ยากตามแต่ละสัปดาห์และอาการ